Wednesday 17 April 2019

Canggu & Nusa Penida: There’s so much more to Bali than Kuta or Seminyak


Travel date: 4 April 2019 – 10 April 2019
Location: Canggu & Nusa Penida Island in Bali, Indonesia

บาหลี คือ ดี!สำหรับการเดินทางไปจังหวัดบาหลี ประเทสอินโดนีเซียครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งที่ สำหรับผู้เขียน สามครั้งที่ผ่านมา เราก็ได้ผจญภัยไปที่ต่างๆที่ใครหลายคนคงรู้จักและเคยไปเช่น Kuta, Seminyak, Ubud, Lovina และ หมู่เกาะ Gili บอกได้เลยว่าประทับใจทุกครั้ง แต่ละที่มีความสวยงามที่แตกต่าง ทั้งในด้านของวัฒนธรรมและวิวราคาหลักล้าน
เคยมีเพื่อนบอกว่าประเทศอินโดนีเซียมีที่สวยๆเยอะ ตอนแรกก็ไม่เชื่อนะ แต่พอได้มีโอกาสไปบ่อยๆ ขนาดครั้งที่สี่แล้ว ยังรู้สึกเลยว่าเวลาไม่พอ และยังจะมีที่อื่นๆให้ได้ไปผจญภัยอีกเยอะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ครั้งนี้ทางผู้เขียนกับเพื่อนอีกสองคนได้วางแผนไปเที่ยว Canggu และ Nusa Penida เกริ่นก่อนว่า Canggu (ชังกูคืออะไร… ชังกูคือหมู่บ้านทางตอนเหนือของ Seminyak ถ้าให้เปรียบเทียบ Seminyak ก็เหมือนเขตทองหล่อบ้านเรา มีความไฮโซโบว์ใหญ่ มีทั้งไนท์คลับบีชบาร์สวยๆให้คนได้ไปถ่ายรูปเก๋ลงไอจี แต่สำหรับ Canggu เองจะมีความฮิปสเตอร์กว่า กลุ่มนักท่องเที่ยวที่รู้สึกเบื่อกับความวุ่นวายและ Seminyak และ Kuta ได้หลบหนีมาชังกู ด้วยตัวพื้นที่ที่ไม่ใหญ่มาก แต่มีความสวยงาม ผสมผสานระหว่างทะเลคลื่นยักษ์ เหมาะสำหรับนักโต้คลื่นตัวยง และทุ่งข้าวสำหรับกลุ่มคนที่ชอบความเขียวขจีของธรรมชาติและวัฒนธรรมของคนท้องถิ่น ชังกูกลายเป็นสถานที่โปรดของใครหลายคน ผู้เขียนและกลุ่มเพื่อนตัดสินใจนอนพักที่โฮสเตล โดยเน้นสระว่ายน้ำสวย เราได้จองที่พักชื่อ Kosone (คอสวัน) ตกเตียงละ 500 บาทต่อคืน ซึ่งก็ถือว่าแพงสำหรับห้อง dorm แต่ความสะอาด ห้องน้ำ สระว่ายน้ำเก๋ และบริการของพนักงานต้องให้ 10 เต็ม 10 จริงๆ คอสวันไม่ห่างจากทะเลสักเท่าไหร่ ถ้าเดินก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ ที่เที่ยวชื่อดังที่ทุกคนต้องไปก็คือ Old Mans เป็นบาร์แนว open air นักท่องเที่ยวที่ไปเหมือนการันตีหน้าตา เพราะทุกคนสวยหล่อหมด มีทั้งหนุ่มสาวผมบลอนด์ นักโต้คลื่น กล้ามแน่น หน้าเป๊ะ และคนพื้นเมืองบ้างประปราย ทุกคนแต่งตัวแต่งแบบชุดเต็ม ใกล้ๆ Old mans เองก็มีที่เที่ยวติดทะเลซึ่งก็เดินไปมาได้ เปลี่ยน mood ตามเสียงเพลง ฝั่งนึงเป็น house อีกฝั่งเป็น hip hip / pop ถ้าน้ำไม่สูง สามารถลงไปเต้นบนหาดได้เลย แถมยังมีร้าน Pop-up Tattoo parlour สำหรับคนเมาที่อยากสักตอนนั้นก็สามารถทำได้เลย (ไม่รู้ว่าไอเดียนี้จะดีเหรอ…) ขอบอกว่าประสบการณ์โดยรวมแล้วสนุกสุดๆ ผู้เขียนกับเพื่อนเองอยู่ดึกสุดก็ตี แต่ได้ข่าวว่าเขาเปิดถึงตี ใครเป็นสายปาร์ตี้ฟินแน่
เต้นทั้งคืน ตอนเช้าอย่างแรกคงจะนึกถึงอาหารเป็นอย่างแรก ในส่วนของร้านอาหารโลคอลก็มี 2-3 ร้านใกล้ๆ ร้านประจำของเราก็คือ Varuna Warung Canggu และ Warung Bumi ให้นึกถึงร้านข้าวแกงบ้านเรา แต่ที่นี่มีทั้งข้าวสวยและข้าวกล้องให้เลือก หลังจากนั้นก็เลือกกับราด 2-3 อย่างตามใจชอบ มาอินโดนีเซียต้องลอง tempeh ก้อนเนื้อที่ผลิตจากถั่วเหลือง มีทั้งประโยชน์ในด้านของโปรตีนและ probiotics ช่วยในการขับถ่ายและเสริมภูมิต้านทาน ใครที่ไม่ใช่สายถั่ว เขามีไก่ กุ้ง และกับข้าวชนิดอื่นให้ได้ลอง เอานิ้วชี้แล้วถามเป็นภาษาอังกฤษได้เลย พนักงานตอบได้หมด สำหรับใครที่อยากเปลี่ยนฟิลกินอาหารสไตล์ฝรั่งก็ต้องลองที่ Milu by Nook (วิวทุ่งนาติดร้านเลยจ้า), Canteen Café (เน้นอาหารเช้าสไตล์ออสเตรเลีย), La Bandida (อาหารสเปน ร้านนี้เหมาะกับกินตอนเย็น) นอกเหนือจากร้านเหล่านี้แล้ว ยังมีที่อื่นๆที่น่าลองน่ากินอีกเยอะ เอาเป็นว่าถ้าร้านไหนคนเยอะ การันตีความอร่อยแน่นอน พูดตรงว่าชังกูให้ความรู้สึกของฮอดิเดย์อย่างแท้จริง กิน เที่ยว เต้น เดินบนหาดดูพระอาทิตย์ตก ส่วนการเดินทางที่ชังกูก็ง่ายมาก จะเช่ามอเตอร์ไซค์จากที่พัก หรือใช้ app ชื่อ Gojek เปรียบเทียบเหมือนกับ Grab บ้านเรา มีทั้งแบบรถเก๋ง หรือมอไซค์ให้เลือก จ่ายด้วยเงินสด ทางผู้เขียนซื้อ Sim2fly ของ AIS จากประเทศไทยเพราะต้องใช้ navigate เวลาขับมอเตอร์ไซค์ เรียกรถ Gojek และติดต่องาน การมีอินเตอร์เน็ตเวลาเดินทาง ชีวิตคุณจะดีขึ้นแน่นอน ลงทุนแค่ 299 บาท ทุกอย่างจะสบาย เอาล่ะ ต่อมาคือไฮไลท์ของทริปนั่นก็คือ เกาะ Nusa Penida!!
แรงบันดาลใจที่ทำให้พวกเราต้องนั่งเรือมา Nusa Penida เพราะรูปที่สวย มองจากไอจีคนนุ้นคนนี้ ดูยังไงก็สวย แต่ก็ไม่ได้คิดหรอกว่าจะเดินทางลำบากขนาดไหน เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะบอกทิปส์การเดินทางเลยแล้วกันนะ จองตั๋วออนไลน์ผ่านเว็บไซต์เป็นวิธีที่สบายที่สุด ผ่านเว็บ www.skypenida.com ใช้บัตรเครดิตออกตั๋วได้เลย แนะนำให้ขึ้นจากท่าเรือ Sanur ตอนเช้า ส่วนท่าเรือบนเกาะก็ขึ้นอยู่กับบริษัทเรือที่เราไป บริษัทที่ทางเราใช้ก็คือ S’Gening Fastboat ขาไป และก็ Idola ขากลับ สรุปแล้วอยู่สองคืนเลยจ้า (ตอนแรกจองที่พักไว้แค่คืนเดียว) ตอนหลังตัดสินใจกันว่า เกาะนี้คืนเดียวไม่พอ เพราะตัวเกาะที่ค่อนข้างใหญ่และเดินทางต้องใช้เวลา สามารถเช่ามอเตอร์ไซค์จากที่พักได้เลย ตกวันละ 70,000 rupiah ตกแล้วประมาณ 160 บาท ถูกกว่าบ้านเราอีก หลังจากลงเรือเฟอร์รี่แล้ว หารถพาไปส่งที่โรงแรมได้เลย แต่จะแพงหน่อย ทางเราเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ท่าเรือเพราะอยากจะประหยัดค่าแท็กซี่ (กระเป๋าไม่ใหญ่กันมาก) ถ้าจะให้แนะนำที่พัก คงต้องเป็น Tentacles เจอใน booking.com ขอบอกว่าประทับใจมาก เป็นโรงแรมที่พึ่งเปิดได้ไม่นาน เจ้าของและพนักงานน่ารักที่สุด ได้มีโอกาสคุย เขาชอบละครไทยจ้า การันตีเขาจะช่วยเหลือทุกอย่าง และไม่บวกเพิ่มด้วยต่างหาก
เอาล่ะ มาถึงสถานที่ must-go กันบ้าง ใครงบเยอะหน่อยก็เช่ารถตู้พร้อมคนขับได้เลย แต่พวกเราเน้นผจญภัยกับ budget และอยากได้ฟิลเลยเช่ามอเตอร์ไซค์ขับกัน เตือนว่าแดดร้อนนะ ทาครีม ใส่หน้ากาก ใส่แขนยาวป้องกันยูวีกันด้วย ที่ๆห้ามพลาดก็คือ Diamond Beach ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเกาะ ส่วนอีกที่ก็คือ Kelingking Beach หรืออีกชื่อเรียกก็คือ T-Rex เพราะรูปร่างเหมือนหัวของทีเร็กซ์ และ Angel's Billabong ตั้งอยู่อีกฝั่งของเกาะ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมต้องมีเวลาอย่างน้อยสองวัน เพราะการเดินทางไปฝั่งเดียวก็ใช้เวลาเกือบวันแล้ว ไหนจะต้องถ่ายรูปกันอีก ชั่วโมงเพื่อจะได้รูปเพอร์เฟคไว้ลงไอจี ขอย้ำว่าวิวทั้งสองที่คืออลังจริงๆ ถ้าได้ไปสองที่นี่ก็ถือว่าคุ้มที่ได้มา Nusa Penida แล้ว ขอเตือนอีกเรื่องก็คือ รองเท้า! เพราะการเดินปีนป่ายขึ้นลงหน้าผาไม่สามารถทำได้ด้วยรองเท้าแตะธรรมดา ใครที่ข้อเข่าไม่ดี กินคอลลาเจนเตรียมตัวไว้เลยก่อนออกทริป เหนื่อยก็พัก ไม่ไหวก็ Say No เพราะรูปจาก view point ข้างบนก็ปังพออยู่  แต่ไหนๆก็มาถึงแล้ว ก็ต้องมีการลงหาดจุ่มน้ำทะเลเพื่อให้สดชื่น มันถึงจะคอมพลีท เกาะ Nusa Penida เหมาะกับคนที่ชอบความสงบ สามารถอยู่ได้เป็นอาทิตย์เลยเพราะที่นี่มีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ และหาดสวยๆซ่อนอยู่มากมาย สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนเสียดายก็คือเราไม่ได้เดินลงไปที่หาดด้านล่างของ T-Rex พอไปถึง ใกล้พระอาทิตย์ตกดินพอดี และวันรุ่งขึ้นก็ต้องขึ้นเรือกลับชังกู สงสัยต้องการการเก็บตกครั้งหน้าอีกแน่ และนี่ก็เป็นข้อมูลเบื้องต้นของทริปครั้งนี้ ใครสาย visual ดูรูปด้านล่าง หรือแวะไปดูในไอจีของสามทหารเสือเพื่อนร่วมเดินทางในทริปนี้ได้เลยจ้า 


The Famous T-Rex, Kelingking beach

On the right side of T-rex

Angel's Billabong

In the area of Angel's Billabong 

Banah Cliff Point

Diamond Beach

More of Diamond Beach

We Heart Canggu

The Pool at Kosone Hostel

The offerings given days and nights in the island of Bali




Thursday 28 March 2019

Irkutsk: A Gateway to the famous Lake Baikal

Travel date: 16 March 2019 - 23 March 2019
Location: Irkutsk, Eastern Siberia, Russia


สายเที่ยวแบบผจญภัยคงจะรู้จักเมืองอีร์คุตสค์แห่งนี้ โดยเฉพาะคนที่ชอบความหนาวเหน็บ เมืองอีร์คุตสค์ตั้งอยู่บนแม่น้ำแองการา ไซบีเรียตะวันออก ประเทศรัสเซีย ที่ได้เกริ่นว่าเมืองนี้เหมาะกับคนที่ชอบความหนาวก็เพราะว่า ทุกปีช่วงเวลาประมาณสิ้นเดือนธันวาคม ถึงมีนาคม ทะเลสาบไบคาล (ตั้งอยู่ห่างจากเมืองอีร์คุตสค์ประมาณ 1 ชั่วโมง) จะกลายเป็นดินแดนแห่งน้ำแข็ง คุณสามารถที่จะขับรถข้ามผ่านทะเลสาบแห่งนี้ได้เลย สำหรับใครที่ไม่รู้จักทะเลสาบไบคาล ประวัติคร่าวๆก็คือ เป็นทะเลสาบที่ลึกและมีปริมาณน้ำจืดเยอะที่สุดบนโลก จินตนาการละกันว่าต้องติดลบกี่องศา พื้นผิวทะเลสาบขนาดใหญ่แห่งนี้ถึงจะกลายเป็นน้ำแข็งได้

ผู้เขียนได้ทำการศึกษาสถานที่แห่งนี้บนอินเตอร์เน็ต แน่นอนว่าคนไทยส่วนใหญ่คงจะไม่คุ้นเคยกับอากาศหนาว ถ้าตัดสินใจไปช่วงมกราคมหรือกุมภาพันธ์ คงจะไม่ไหวเพราะหนาวเกินไป ช่วงกลางเดือนมีนาคมจึงน่าจะดีที่สุด และการันตีจากประสบการณ์ตรงเลยว่า จริง! ช่วงกลางถึงปลายเดือนมีนาคม อากาศจะไม่หนาวจนขนาดเดินไม่ได้ บางทีมีหิมะตกสวยงามให้เราได้เห็น บางทีก็ท้องฟ้าใสเป็นสีน้ำเงิน แต่ทะเลสาบไบคาลก็ยังแข็งพอที่จะให้เราได้เดินผจญภัยได้ด้วย

คนไทยส่วนใหญ่ที่ไปทะเลสาบไบคาล เขาจะไปเป็นกลุ่มใหญ่ ซื้อทัวร์ไปเลย มีคนขับรถ ส่งตามที่ต่างๆ แต่เราอยากจะฉีกแนวด้วยการไปคนเดียว หาข้อมูลเอง (จริงๆแล้วคือไม่มีเพื่อนไปด้วย กับอยากจะประหยัดค่าใช้จ่าย อิอิ) เอาเป็นว่า #ไปคนเดียวต่อไม่รอแล้วนะ จากกรุงเทพฯไปอีร์คุตสค์มีสายการบินชื่อ S7 บินตรง คนไทยไม่ต้องขอวีซ่าเข้ารัสเซีย ทำให้ทุกอย่างง่ายซะเหลือเกิน ค่าตั๋วไม่รวมกระเป๋าโหลดก็แค่ประมาณ 14,000 บาทไปกลับ มีแต่คุ้มกับคุ้ม ไฟท์ถึงดึกหน่อย ทางเราก็ให้โฮสที่ AirBNB มารับที่สนามบิน ไปครั้งแรก คนเดียวเนอะ ก็ต้องระวังหน่อย ก่อนที่จะเล่าเรื่องทริปต่อ ในฐานะที่เราเป็นเพศที่แตกต่างเนอะ พูดง่ายๆคือเราเป็น G (เข้าใจกัน?) ใครเคยได้อ่านข่าวเรื่อง Anti-gay propaganda law ของรัสเซียบ้าง? จริงๆแล้วไม่ได้อันตรายอย่างที่หลายคนคิด ตราบใดที่คุณไม่ออกสาวในที่สาธารณะ ไม่เดินตูดบินหรือจูงมือกัน คุณปลอดภัยแน่นอน เอาเป็นว่า ในระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ไปมา ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ใช้ App แบบเปิด VPN ตามปกติ ถือว่าเล่าให้ฟังเผื่อว่าใครที่เป็นเหมือนกันจะได้ไม่ต้องกังวลนะ

เข้าเรื่องเที่ยวกันดีกว่า เพราะไปคนเดียว การเดินทางก็จะลำบากขึ้นหน่อย สองที่สำคัญๆที่ควรจะต้องไปก็คือ Lake Baikal และ Olkhon Island ที่แรกเดินทางง่าย เพียงแค่ขึ้นรถมินิบัส Marshrutka หรือประมาณรถตู้อนุสาวรีย์บ้านเรา ตามลิงค์เพื่อหาจุดขึ้นรถได้เลย (https://goo.gl/maps/ZWadQtj7yd92) ในราคาประมาณ 130 rubles (70 บาท) ต่อเที่ยว นั่ง 1 ชั่วโมงก็ถึงเมืองที่ชื่อ Listvyanka ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ติดกับทะเลสาบไบคาล ทางผมไปสองวันติดเพราะชอบมาก เดินวนไปเรื่อยๆ บนทะเลสาบเลย ถ่ายรูปเซลฟี่เป็นพัน เดินคนเดียว จะหาช่างกล้องรอบตัวก็ยากมาก สายเที่ยวคนเดียว เอาขาตั้งกล้องไปด้วยก็ดีนะ วันแรกที่ไปโชคดีว่าเป็นวันอาทิตย์ คนออกมาพักผ่อน เล่นสกีกัน แถมยังมีรถลากหมาไซบีเรียนฮัสกี้ให้เช่านั่ง 10 นาทีในราคา 600 บาท เราว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม พักกลางวันก็กินปลา Omul ซึ่งเป็นปลาท้องถิ่นที่จับได้จากทะเลสาบแห่งนี้ ใครมาต้องลองนะ เพราะอร่อยจริง เมนูที่ได้กินก็คือ Grilled Omul with Pine nuts เม็ดต้นสนที่นี่เขาก็มีชื่อเสียง ป่าสนเขามีเป็นล้านๆต้น ซื้อกลับไทยได้เลย เพราะราคาไม่แพง
วิวที่เมืองนี้ก็หลักล้าน มองไปทางไหนก็ขาวไปหมด เหมือนในความฝันเลยทีเดียว พอได้เดินบนทะเลสายที่แข็ง บางจุดก็มีให้เราได้เห็นน้ำใสๆข้างใต้อีกด้วย ยิ่งถ้าวันไหนมีแสงแดด น้ำจะกลายเป็นสีฟ้า สวยจนต้องตะลึงจริงๆ ขอแฮชแท็คอีกรอบ #เที่ยวคนเดียวต่อไม่รอแล้วน่ะ นอกเหนือจากเมือง Listvyanka แล้ว เกาะ Olkhon เขาว่าก็สวยมาก ทางเราไม่ได้ไปเพราะต้องนั่งรถอีก 6 ชั่วโมง คือมองว่าแค่เมืองนี้ก็แฮปปี้แล้ว เลยตัดสินใจไม่ไป แต่ถ้าใครอยากไป เห็นว่ามีรถบัสจากเมือง Irkutsk ลองเช็คผ่านอินเตอร์เน็ตดู

ส่วนในเมืองอีร์คุตสค์ก็มีกิจกรรมและสถานที่ให้ถ่ายรูปสวยๆเยอะ ไม่ต้องกลัวเบื่อเลย ลิสต์สถานที่ตามด้านล่างนี้เลย
Central Market, Babr, 130 Kvartal, Trendy Quarter, Alexander III & Yuriy Gagarin statues, Zoogaleraya, Sobor Bogoyavlensky, Skver Im. Kirova, Kazan Church, Ice-Breaker "Angara" museum

นอกเหนือจากแหล่งท่องเที่ยวข้างบนแล้ว การเข้าเซาว์น่าหรือ Banya ในขณะที่อากาศข้างนอกหนาวก็ฟินสุดๆ ใครที่ขี้อาย รวบรวมความกล้าเลยถ้าอยากลองประสบการณ์เซาว์น่าสไตล์รัสเซีย คนที่นี่ไม่กลัวการแก้ผ้า ถ้าเขาแก้ เราก็แก้ตามซะเลย Banya ที่นี่จะแตกต่างตรงที่เราจะได้เห็นกำมัดก้านไม้ ผสมผสานระหว่างก้านใบโอ๊คบ้าง ใบสนบ้าง ใบยูคาลิปตัสบ้าง ซึ่งมัดเหล่านี้ คนที่นี่เขาจะนำไปแช่น้ำร้อนก่อนประมาณ 10 นาที แล้วจึงเอาเข้าห้องเซาว์น่าร้อนๆ นำมาตีเบาๆทั่วตัว โดยมีความเชื่อว่าจะช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ปวดเมื่อยก็หายทันที แถมยังมีกลิ่นหอมอีกด้วย ผู้เขียนได้ลองแล้วก็ติดใจ ทำทุกรอบเลย เซาว์น่าที่นี่แบ่งเพศ ผู้ชายส่วนใหญ่จะมาเป็นกลุ่ม มานั่งคุย นั่งเล่น กินเบียร์กัน เหมือนเป็นการโซเชียลแบบหนึ่งของเขา สถานที่แนะนำมี 2 ที่ Basninskiye Bani และ Баня №10 ที่แรกราคาประมาณ 1,200 rubles ก็ตกประมาณ 600 บาทโดยเขาให้เวลาเราอยู่ 3 ชั่วโมง สามารถสั่งชา อาหารกินเล่นข้างในได้ จ่ายเพิ่มตามราคาบนเมนู ที่นี่จะสะอาดและใหม่ที่สุดและดูไฮโซหน่อย สำหรับที่ๆสอง Баня №10 (เห็นด้วยมั้ยว่าออกเสียงยากมาก) ที่นี่มีความโลคอลขั้นสุด เก่าหน่อย แต่ถ้าอยากได้ประสบการณ์โลคอลที่แท้ทรู ต้องเป็นที่นี่เลย ราคาถูกกว่าด้วย เพียงแค่ 260 rubles หรือประมาณ 130 บาท

ในเมืองอีร์คุตสค์เอง นอกเหนือจากคนผิวขาวแล้ว เราจะได้เห็นคนพื้นเมืองที่เรียกว่า Buryats หน้าตาเหมือนคนมองโกเลีย เพราะเหตุนี้จึงทำให้อาหารที่นี่ก็จะมีอิทธิพลจากชนพื้นเมืองด้วยเช่นกัน อีกเมนูที่ต้องลองนั่นก็คือ Buuzy หรือ Pozi ติ่มซำก้อนใหญ่ หากินได้ตามร้าน Buryat ร้านชื่อดังที่ต้องลองคือ Nomad Restaurant และ Cafe Amritta ส่วนใครที่อยากจะประหยัดเงินหน่อย ที่นี่เขามีโรงอาหารที่เปิดตามจุดต่างๆรอบเมือง ใน Google Maps ให้เซิร์ชคำว่า столовая (อ่านออกเสียงว่า Stallova) อาหารที่นี่ถูกเหลือเชื่อ มีทั้งอาหารคาว น้ำซุป เค้กอร่อยๆ ให้ได้เลือก (เค้กที่นี่ขอแนะนำให้ลอง Medovik - Russian Honey Cake อร่อยลืม!) สั่ง 2-3 อย่างราคาตกอยู่ 100 กว่าบาทเอง ถูกจริงๆ

สำหรับการเดินทางในเมืองสามารถเดินได้หมด อาจจะต้องแข็งแรงหน่อย เตรียมรองเท้าคู่เก่งไว้เลย พื้นนิ่มๆ วัสดุแข็งแรงกันน้ำ กันหิมะ ถ้าไม่ไหวก็ให้ขึ้นรถบัสโดยใช้ความช่วยเหลือจาก Google maps กดหาสถานที่ๆอยากได้ แล้วทางแอ็ปจะบอกเบอร์รถและราคา อีกวิธีหนึ่งก็คือรถแท็กซี่โดยใช้แอ็ปชื่อ Gett 
ในส่วนของซิมการ์ด เพื่อความสะดวกสบาย ซื้อ Sim2Fly ของ AIS ก่อนเดินทางไว้ ในราคา 799 บาท 5GB ขอย้ำว่าลงทุนซื้อซิม ชีวิตจะสบายขึ้นเยอะ โดยเฉพาะการ Navigate ไปตามที่ต่างๆ 

ข้อมูลสำคัญๆ คิดว่าน่าจะครบแล้ว ใครอยาก DM มาถามข้อมูล เชิญได้เลยนะครับ
ต่อไปให้ดูรูปสวยๆที่ผู้เขียนถ่ายมาบ้างดีกว่า
On Baikal Lake, near Listvyanka 

A glimpse into what's underneath the lake 

A Fishing Hole, A Swimming Hole - I think it was made for fun

Siberian Huskies Riding on a frozen lake

Ice prick, a result of the weather being so cold at Taltsy Museum

A View point over looking the Lake

Piles of ice sheets


An abandon boat on the shore of Taltsy museum

Taltsy museum center 

The Ice-breaker Angara, one of the oldest ice-breakers in the world